Tuesday, August 22, 2006

ความงามอันล้ำค่า




"ขึ้นอยู่กับฝีมือคนเจียระไน"
“เพชร” เป็นอัญมณีล้ำค่า ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความนิยม เลือกหาซื้อกันตามแต่กำลังทรัพย์ หากยังมีปัญหาสำหรับผู้ไม่เจนจบเรื่องเพชรว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไรในการเลือก เพื่อให้สมค่าเงิน วิธีที่ผู้ซื้อเพชรมือใหม่อาจนำไปใช้ประโยชน์ได้ แนะนำจากผู้บริหารเพชรชื่อดังจากบริษัทเพชร Lazare Kaplan (ลาซาร์ แคป แลน) ซึ่งเดินทางมาประเทศไทย ชาร์ลี ซี. โรซาริโอ รองประธานอาวุโสบริษัทลาซาร์ แคปแลน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เพชรมีสีจากการตกผลึกตามธรรมชาติที่ใช้เวลานานมาก แต่ผู้ที่สามารถทำให้เพชรเลอค่าขึ้นมาได้คือ คนเจียระไน ที่ต้องมีฝีมือการเจียระไนที่ให้ความละเอียด มีสัดส่วน ซึ่งการเจียระไนเพชรมีหลักการวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องของมุม
"เกิดจากความชำนาญ"
การควบคุมทิศทางการสะท้อนแสงขึ้นมา โดยในบริษัทของตนเน้นมากในเรื่องความมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของผู้ทำหน้าที่เจียระไนเพชร คน ๆ หนึ่งจะทำหน้าที่แบบเดิมซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นสิบ ๆ ปีจนเกิดความชำนาญ เพื่อให้ได้เพชรออกมาสวยงามได้สัดส่วนแบบ “ไอเดียล คัท” ซึ่งถือเป็นความโดดเด่น เอกลักษณ์ของเพชรเม็ดงาม ลาซาร์ แคปแลน ในการประเมินคุณภาพเพชร ชาร์ลี ซี. โรซาริโอ แนะนำให้ยึดหลักพิจารณา 4 C ได้แก่ น้ำหรือความบริสุทธิ์ ความใส (Clarity), สี (Colour), น้ำหนักเพชร (Carat Weight) และฝีมือเจียระไน (Cut) แต่การเลือกซื้อของผู้ซื้อส่วนใหญ่มักเน้นเรื่องน้ำหนักหรือกะรัตมากกว่า เนื่องจากเพชรที่มีจำนวนกะรัตที่มากจะมีราคามาก ซึ่งควรจะเปลี่ยนความคิดว่า การเลือกซื้อเพชรแต่ละครั้งควรพิจารณาดูที่ค่าของเพชร ความแวววาวเปล่งประกาย มากกว่าการเน้นเรื่องน้ำหนักว่ากี่กะรัต เนื่องจากคุณสมบัตินี้ไม่ได้สำคัญเท่าไรนัก
"ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด"
ชาร์ลี ซี. โรซาริโอ กล่าวแนะนำการเลือกเพชร สำหรับผู้ที่มีทักษะในการเลือกเพชรน้อยว่า การเลือกเพชรนั้นอย่าใช้หลักการเดา อย่าเชื่อในคำเชิญชวนของผู้ขายให้มาก ควรเลือกร้านเพชรที่รู้จักกันมานาน และให้ความรู้เรื่องเพชรที่ถูกต้อง นอกจากนี้คงต้องใช้ความพยายามส่วนตัวในการหาความรู้เกี่ยวกับเพชรให้มาก เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญให้ตัวเอง ที่สำคัญต้องเชื่อมั่นในตัวเองโดยการเลือกเพชรแต่ละครั้ง ควรนำเพชรสองเม็ดมาเปรียบเทียบดูความแวววาว ดูคุณค่าของเพชร แล้วค่อยตัดสินใจ “ส่วนแนวโน้มของความนิยมของเพชร ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า เพชรประเภทไหนมาแรง ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดมากกว่า อย่างในตะวันตก เพชรสีเป็นที่ต้องการมาก มีราคาสูงมากเป็นที่นิยมของนักสะสมเพชร ขณะที่โซนเอเชียจะมีความนิยมเพชรขาวมากกว่าเพชรสี”.

Tuesday, August 15, 2006

อยากตะโกนบอกฟ้าให้ก้องโลกว่า"หนูรักแม่"



"ดอกมะลิแทนความหมายความรักแม่"คงไม่มีคำจำกัดความใด ๆ สามารถบรรยายความเป็น “แม่” ได้หมดสิ้น ความรักทั้งหมดทั้งปวงในโลกนี้รวมกันก็ไม่เท่าความรักของแม่คนหนึ่งที่มีต่อลูก ความรักของแม่ งดงามเหมือนดอกไม้ ยิ่งใหญ่ดุจศิลปะที่จรรโลงมนุษยชาติได้ด้วยสองมือกับหนึ่งหัวใจ ความรักของแม่ยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้าอย่างที่เคยว่าไว้ตอนเด็ก ๆ คุณเองก็รู้ดี หากดอกมะลิจะทดแทนความหมายความรักของแม่ได้ นั่นก็เพราะดอกมะลิเป็นดอกไม้ของความบริสุทธิ์ ผุดผ่อง และอ่อนโยน แทนความหมายว่า “เธอคือผู้ที่ฉันสุดรักสุดบูชา” หรือ “เธอคือดอกฟ้าผู้สง่างามและสูงส่ง”และคุณก็อาจไม่เคยรู้ว่าข้างในหัวอกของผู้เป็นแม่นั้น นอกจากบรรจุแน่นด้วยความรัก ความปรารถนาดีแล้ว ยังมีความรู้สึกที่มีต่อลูกอีกมากมายเหลือคณานับ ลำดับมาพอเป็นสังเขปจากเศษเสี้ยวของหัวใจแม่ได้ 8 ข้อต่อไปนี้.....
"สุขภาพและการศึกษา"
1. แม่อยากให้ลูกมีสุขภาพดีย้อนความกลับไปตั้งแต่มีชีวิตใหม่เกิดขึ้นในท้องแม่ ท่านเฝ้าดูแล ทะนุถนอมลูกน้อยในครรภ์ แม้ท่านต้องลำบากและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลายอย่างในชีวิต ทั้งหมดเพียงเพื่อลูก ต่อมาวินาทีแรกที่ลูกลืมตา ถามแม่ร้อยคน ประโยคแรกที่อยากได้ยินจากปากหมอคือ ลูกมีอวัยวะครบถ้วนทุกประการ ยามเป็นทารก เมื่อลูกไอ แม่ก็อยากไอแทน ลูกร้องไห้ก็แสนจะทรมานไปกับลูก
2. แม่อยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดีการศึกษาคือรากฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิต นับตั้งแต่เริ่มหัดอ่าน หัดเขียน ท่านตรากตรำพร่ำสอนคุณอย่างไม่ลดละ (คุณอาจไม่รู้ว่า การสอนเด็กเล็กคนหนึ่งให้อ่านออกเขียนได้นั้นยากเย็นเพียงใด) แม่ร้อยคนก็ล้วนมีล้านวิธีต่างกันออกไป หากแต่มีเพียงจุดประสงค์เดียวกัน คืออยากให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดของกำลังคนเป็นแม่จะทำได้ หากทำงานเหนื่อยหนักเพื่อมาจ่ายค่าการศึกษาของลูกได้วิธีไหน แม่ก็จะทำทุกวิถีทาง เพื่อลงทุนด้านการศึกษาให้ลูกซึ่งคุ้มค่ากว่าการลงทุนอะไรทั้งหมด
"เข้าใจและประหยัดพอเพียง"
3. แม่อยากให้ลูกเข้าใจโลก เข้าใจตัวเอง และเข้าใจแม่ (บ้าง)แม้โลกจะเลวร้าย หากชีวิตยืดหยุ่นได้และปรับสภาพด้วยความเข้าใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ก็จะมีแต่ความสงบสุข เข้าใจสภาพแวดล้อมแล้วก็อย่าลืมหันกลับมาเข้าใจภายในของตัวเอง และสิ่งสุดท้ายที่หัวอกคนเป็นแม่อยากบอกให้ลูกฟัง คือ เข้าใจท่านบ้าง ที่พร่ำบ่นพร่ำสอน เพียงเพราะคำว่ารักคำเดียว บริสุทธิ์ไร้สารพิษ ไม่มีสิ่งใดเจือปน
4. แม่อยากให้ลูกประหยัดและพอเพียงความพอดีจะทำให้ลูกของแม่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ทะเยอทะยาน ไม่โหยหาได้มาเพียงวัตถุ แล้วจิตใจต้องตกเป็นทาสของเงินตรา เชื่อเถิดว่าแม่ของคุณ อยากให้คุณพอมีพอกิน สมตัว สมฐานะ เพียงไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ท่านอยากให้คุณ ร่ำรวยความสุขแทนตัวเลข เรียนรู้ที่จะประหยัด สมถะ และพอเพียงอย่างสร้างสรรค์
"มีระเบียบและกล้าตัดสินใจ"
5. แม่อยากให้ลูกมีระเบียบและใช้ชีวิตให้เป็นลูก ๆ ทั้งหลายคงเคยถูกแม่จ้ำจี้จ้ำไชในความไร้ระเบียบ ท่านไม่ได้แค่เหนื่อยที่ต้องตามเก็บกวาดสมบัติประดามีของคุณ (เพราะการสอน เหนื่อยกว่าทำเองมาก) แต่แม่มองการณ์ไกลไปกว่านั้น หากวันใดไม่มีแม่อยู่ เพราะแรงโน้มถ่วงของโลกนำพาไป วันนั้นเองที่คุณจะต้องจัดการอะไรในชีวิตด้วยตัวเอง หากเริ่มต้นตอนนั้นคงสายเกินไปและยากเกินแกงที่จะเริ่มต้น แม่สอนให้คุณรู้จักแบ่งเวลาในชีวิต หน้าที่ส่วนตัว หน้าที่ส่วนรวมให้แยกแยะ ไม่ขาดตกบกพร่อง ขณะที่ต้องไม่ลืมทำตามหัวใจ และสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกมีความสุขในชีวิตได้
6. แม่รักลูกมากพอที่จะปล่อยให้ลูกมีอิสระและตัดสินใจด้วยตัวเองแม่หวง แม่ห่วง เพราะแม่รัก เมื่อคุณยังเด็กและไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่านึกตะขวงใจที่แม่ไม่ยอมปล่อยให้คุณทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะสักวันหนึ่งก็จะถึงเวลาของคุณ ในทางกลับกัน หากแม่ของคุณสอนให้คุณรู้จักช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก นั่นก็เพราะท่านอยากให้คุณรู้จักการใช้ชีวิต คิดตัดสินใจด้วยตัวเอง ท่านมอบยานพาหนะคันงามที่ชื่อว่าอิสระให้คุณแล้ว หมายความว่า คุณจะต้องบังคับทิศทางไว้ในที่ที่ควรอยู่ โดยจะมีแม่คอยมองคุณอยู่ข้างหลัง
"เชื่อฟังและกตัญญู"
7. แม่อยากให้ลูกเชื่อฟังคำ แม่สอนไม่มีแม่ในโลกคนไหนหวังร้ายกับลูก บางเวลาคำพูดของแม่ออกมาอย่างมีอารมณ์แต่ไม่เคลือบแฝง เพียงเชื่อคำแม่สอน ชีวิตคุณก็จะเป็น-อยู่-คือ อย่างที่ควรจะเป็น และคำแม่สอนจะติดตัวเป็นสมบัติล้ำค่าไปตลอดชีวิต หาซื้อไม่ได้ เวลาก็ย้อนคืนมาไม่ได้ เช่นกัน ทว่าสามารถเก็บไว้ได้เป็นคอลเลกชั่นในใจได้
8. แม่อยากให้ลูกกตัญญู รู้คุณคนไม่เพียงรู้บุญคุณของน้ำนมแม่ หากแต่ความกตัญญูกตเวทีจะนำพาให้ชีวิตคุณอยู่รอดปลอดภัย ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ตกอับ หากเราซื่อสัตย์และจริงใจต่อใครก็ตามที่ดีกับเรา และถึงแม้เขาจะไม่ดีด้วย ก็ให้เอาชนะใจคนด้วยความดีไม่ว่าลูกของแม่จะเป็นอะไร เป็นใครที่เลวร้ายหรือน่ารังเกียจสำหรับคนอื่นมากแค่ไหน แต่สำหรับแม่แล้ว คุณคือแก้วตาดวงใจของท่านเสมอ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดจนวันสุดท้ายและถ้าคุณรักแม่....แค่ทำดีเพียงเท่านี้แม่ก็พอใจ รักแม่

Tuesday, August 08, 2006

Garfield เจ้าแมวจอมวุ่น





มาร่วมสร้างความสนุกกันถ้วนหน้า รวมนักแสดงจากภาคแรก แถมแมวอีกหนึ่ง ใน “GARFIELD 2: A TAIL OF TWO KITTIES” การ์ฟิลด์ 2 อลเวงเจ้าชายบัลลังก์เหมียวทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ รวมพลนักแสดงจาก “การ์ฟิลด์” ภาคแรก มาสร้างรอยยิ้มกับความป่วนสุดแสบของเจ้าแมวอ้วนของคนทั่วโลก ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปป่วนถึงเกาะอังกฤษ พร้อมกับ “ปริ้นซ์” แมวไฮโซเลือดผู้ดีชั้นสูง ที่เพิ่งได้รับมรดกตกทอดจากเจ้านายผู้ล่วงลับเป็นปราสาทขนาดพระราชวัง เรื่องวุ่นๆจึงได้เริ่มต้นพร้อมกับการผจญภัยครั้งใหม่ในต่างแดนของเจ้าการ์ฟิลด์“การ์ฟิลด์” ยังพาหมาคู่ซี้อย่างเจ้า “โอดี้” กลับมาสร้างความประหลาดใจให้กับ “จอน อาร์บัคเคิ้ล” (เบร็คกิ้น เมเยอร์) เจ้านายของมัน ซึ่งมุ่งมั่นเดินทางมายังลอนดอนเพื่อเล็งโอกาสเหมาะ ๆ ก่อนเอ่ยปากขอแต่งงานกับแฟนสาว “ลิซ วิลสัน” (เจนนิเฟอร์ เลิฟ ฮิวอิต) สัตวแพทย์สาว ในขณะที่การ์ฟิลด์ได้สร้างความป่วนแสบไปทั่ว เขาดันไปสลับตัวกับ “ปริ้นซ์” แมวผู้ดีไฮโซ และในระหว่างที่เขากำลังปรับตัวกับอัครสถานแห่งใหม่ที่ใช้แทนบ้านนั้น เจ้าเหมียวจอมกวนก็ถูกขัดขวางโดย “ท่านลอร์ดดาร์กิส” (บิลลี่ คอนนอลลี่) เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวที่ควรจะได้รับมรดกทุกชิ้น เขามุ่งมั่นกำจัด การ์ฟิลด์ หรือ ปริ้นซ์ ให้พ้นหูพ้นตา เพื่อครอบครองสมบัติกองมหาศาลแต่เพียงผู้เดียว แล้ว การ์ฟิลด์ ก็ต้องเผชิญหน้ากับโลกเลิศหรูที่แสนจะโหดร้าย เกินกว่าแมวเพียงสองตัวจะหาญกล้าไปต่อกรด้วยยกขบวนกันมาแบบนี้พลาดไม่ได้ใน “GARFIELD 2: A TAIL OF TWO KITTIES” 10 สิงหาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์.

Tuesday, August 01, 2006

:.ความสมดุลที่ไม่ต้องค้นหาหากเปิดใจยอมรับ.:



บ น เ ส้ น ท า ง เ ดิ น เ รี ย บเ รี ย บ
มี ห อ ย ท า ก ตั ว ห นึ่ ง
กั บ ค น ห นึ่ ง ค น
กำ ลั ง เ ดิ นบ า ง
ค น เ ดิ น บ้ า ง วิ่ ง บ้ า ง
ส ะ ดุ ด กิ่ ง ไ ม้
ห ก ล้ ม ไ ป ต า ม ท า ง
เ จ็ บ ตั ว แ ล ะ เ จ็ บ ใ จ
ห อ ย ท า ก ...ไ ม่ เ ดิ น ไ ม่ วิ่ ง
แ ต่ ก็ เ ค ลื่ อ น ตั ว ไ ป ข้ า ง ห น้ า
อ ย่ า ง ช้ า . . . ช้ า
เ จ อ กิ่ ง ไ ม้ ก็ ไ ม่ ส ะ ดุ ด
ห อ ย ท า ก ห ก ล้ ม . . . ไ ม่ เ ป็ น
ค น คิ ด อ ย า ก เ ป็ น ห อ ย ท า ก
เ พ ร า ะ อ ย า ก เ ค ลื่ อ น ตั ว ไ ป ข้ า งห น้ า อ ย่ า ง มั่ น ค ง
แ ล ะ อิ จ ฉ า ห อ ย ท า ก ที่ ไ ม่ เ ค ยล้ ม . . . ไ ม่ เ จ็ บ ตั ว
ห อ ย ท า ก คิ ด อ ย า ก เ ป็ น ค น
ไ ม่ ใ ช่ เ พ ร า ะ อ ย า ก เ ดิ น ห รื ออ ย า ก วิ่ ง
แ ต่ เ พ ร า ะ อ ย า ก จ ะ ห ก ล้ ม บ้ า ง
ห อ ย ท า ก อ ย า ก ห ก ล้ ม เ ป็ น
อ ย า ก มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ เ ค ย ห ก ล้ ม บ้ า ง
จ ะ ไ ด้ รู้ ค ว า ม เ จ็ บ เ ป็ น อ ย่ า ง ไ ร
จ ะ ไ ด้ เ รี ย น รู้ วิ ธี ที่ จ ะ ลุ ก ขึ้ น ม า ด้ ว ย ตั ว เ อ ง
แ ล ะ จ ะ ไ ด้ รู้ ว่ า จ ะ มี ใ ค ร บ้ า ง น ะ
ที่ ค อ ย ยื่ น มื อ ม า ใ ห้ ใ น ย า ม ที่ ล้ ม ล งวั น นี้
นึ ก อ ย า ก เ ป็ น ห อ ย ท า ก
ค่ อ ย ค่ อ ย เ ดิ น ไ ป ข้ า ง ห น้ า
เ ห มื อ น ห อ ย ท า ก ที่ ค ล า น ช้ า ช้ า
แ ต่ . . ไ ม่ ห วั่ น ไ ห วมี ค ว า ม สุ ข กั บ ค ว า ม ง า ม ต า มท า ง ที่ ไป
ไ ม่ ค้ น ห า ว่ า ค ว า ม สุ ข อ ยู่ ที่ ไ ห น
เ พ ร า ะ ค ว า ม สุ ข อ ยู่ ใ น ใ จ ข อ งตั ว เ อ ง . . .