Wednesday, May 31, 2006

^_^แมวไม่มีหู^_^





เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2512 (เว็บมาสเตอร์ยังไม่เกิดเลย) เป็นวันที่เริ่มตีพิมพ์การ์ตูนโดราเอม่อน จึงมีการ์ตูนเกิดขึ้นเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องราวของ แมวหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคตเกิดขึ้นมา พร้อมกับของวิเศษต่าง ๆ เพื่อมาช่วยเหลือโนบิตะนักเรียนชั้นประถม 4 ที่เรียนหนังสือไม่เก่ง เล่นสนุกไปวัน ๆ และโดนเพื่อน ๆ แกล้งเสมอ จนเมื่อวันหนึ่งเมื่อลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะเปิดออกเป็นการเริ่มต้นของเรื่อง ราวที่เต็มไปด้วยจิตนาการของเด็ก ๆ และโด่งดังมากในญี่ปุ่น และโด่งดังไปทั่วโลก

เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายด้วยปลายปากกาของ อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ และอาจารย์อาบิโกะ โมโตโอะ ที่ช่วยกันสร้างโลกแห่งจิตนาการนี้ให้เกิดขึ้น และได้รับความนิยมจนมีฉบับรวมเล่ม สามารถจำหน่ายได้ถึง 100 ล้านเล่มในญี่ปุ่น หนังสือได้ตีพิมพ์เป็นภาษาต่างๆถึง 9 ภาษา และสร้างเป็นภาพยนต์การ์ตูนกว่า 1,300 ตอนชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง

เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการสร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบากและกดดันเนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับิบังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็น
โดราเอมอนในที่สุด

โดราเอม่อนเป็นแมวหุ่นยนต์ในศษตวรรษที่ 22 แห่งโลกอนาคต
อาหารที่เขาโปรดปรานที่สุดคือขนมโดรายากิ ทำด้วยถั่วแดงและแป้งหวาน
โดราเอม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2655
หนัก 129.3 กก. สูง 129.3 ซม.
กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม.
ตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน
สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือหนู เพราะว่าโดราเอม่อนเคยถูกหนูกินหูของตัวเองจนทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นแมวหุ่นยนต์ที่ไม่มีหู
ในกระเป๋าหน้าท้องของโดราเอม่อนมีของวิเศษมากมายที่ใช้คอยช่วยเหลือโนบิตะในศตวรรษที่ 20 เพื่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในโลกอนาคตนั่นเอง

Monday, May 29, 2006

Little...angle


ในโลกนี้มีหลายคนอยากเห็นนางฟ้า
ฉันเองเคยเห็นมาครั้งหนึ่ง
ที่จริงนางฟ้าไม่มีปีก
ตามตัวเธอมีแต่บาดแผล
นางฟ้าจะปรากฏอยู่ข้างเราอย่างเงียบๆ
และจะจากไป เมื่อตอนที่เราคิดถึง
ถ้าคุณเต็มใจคุณก็สามารถเป็นนางฟ้าที่ให้พร
ช่วยต่อชีวิตผู้อื่นได้
จริงอยู่ ชีวิตอาจจะพบกับขวกหนาม
เพียงแต่ในใจเรามีศรัทธา
ขวกหนามตลอดจนถึงความตาย
ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเลย
เพราะทุกวัน ศรัทธา จะเดินไปพร้อมกับเรา
สักวันพอเรา เดินสุดเส้นทางชีวิตแล้ว
เราจะกลับไปบนสวรรค์...ได้อยู่กับคนที่เรารักอีกครั้งหนึ่ง
ตราบชั่วนิรันดร์ก็ไม่พรากจากกันอีก

Monday, May 22, 2006

Countries of love...



H.O.L.L.A.N.D - Hope Our Love Lasts And Never Dies.
I.T.A.L.Y. - I Trust And Love You.
L.I.B.Y.A. - Love Is Beautiful; You Also.
F.R.A.N.C.E. - Friendships Remain And Never Can End.
C.H.I.N.A. - Come Here?K.. I Need Affection.
B.U.R.M.A. - Between Us, Remember Me Always.
N.E.P.A.L. - Never Ever Part As Lovers.
I.N.D.I.A. - I Nearly Died In Adoration.
K.E.N.Y.A - Keep Everything Nice, Yet Arousing.
C.A.N.A.D.A. - Cute And Naughty Action that developed into attraction
K.O.R.E.A. - Keep Optimistic Regardless of Every adversity.
E.G.Y.P.T. - Everything's Great, You Pretty Thing!
M.A.N.I.L.A. - May All Nights Inspire Love Always.
P.E.R.U. - Phorget (Forget) Everyone... Remember Us.
T.H.A.I.L.A.N.D. - Totally Happy. Always In Love And Never Dull.

Friday, May 19, 2006

ความสำคัญของคน++คนหนึ่ง

l+การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน+l
~ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม~
_สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ_
-“คน” เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก และด้านลบ อยู่ในนั้น-
อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว
อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น
อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง
อย่าควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป -เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด-
อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้_ ~เพราะถ้าคนๆนั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้~
l+คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที +l

Wednesday, May 17, 2006

ผู้ที่ซึ่งเสียสละเพื่อส่วนรวมของทุกคน

ร้อยมาลัยใส่ฝันเช่นวันนี้
ทุกทุกปีพ้นผ่านนานฉนำ
เคารพไหว้บรมครูอยู่ประจำ
ก็ด้วยสำนึกหนุนบุญคุณครู
แม้ไม่มีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า
จะตามมาถูกได้กระไรอยู่
หากไม่มีแบบบทกำหนดรู้
จะก้าวสู่จุดหมายได้อย่างไร
<<กลอนสำนึกรักคุณครู>>

Monday, May 15, 2006

<>ไปโรงเรียนดีกว่าเพื่อนๆรออยู่



วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2549 ดีใจจังเลย!!! จะได้พบเพื่อนๆเสียที่หลังจากที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเพื่อนๆเป็นเวลากว่า 2 เดือนครึ่ง คิดถึงนะ(เด็กโง่) ค่อยดูนะวันพรุ่งนี้โรงเรียนราชินีของเราจะเต็มไปด้วยเสียงที่แซดไปทั้งสนามหน้าเสาธงไม่เชื่อต้องไปพิสูจน์ แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้นะจ๊ะเพื่อนๆที่น่ารัก..

Tuesday, May 09, 2006

The Great Pyramid of Egypt เมืองกิซา


ประเทศอียิปต์ปิรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างรูปกรวยเหลี่ยมสำหรับเป็นที่เก็บศพกษัตริย์อียิปต์โบราณ ในอียิปต์มีอยู่ 70 ด้วยกัน แต่ปิรามิด 3 แห่งที่อยู่เมืองกีซ่า คือ หลุมฝังศพของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์(พระเจ้าคูฟู) คีเฟรน และไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดสันนิษฐานว่าปิรามิดนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ 4600 ปีมาแล้ว นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและยังคงตั้งตระหง่านอยู่เพียงแห่งเดียวในโลก ใช้เวลาสร้าง 10 ปี

ปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามอันแห่งเมืองกีซ่านี้ ที่ใหญ่ที่สุดคือปิรามิดของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์ เรียกว่ามหาปิรามิด

- ฐานของปิรามิดแห่งนี้มีความกว้างถึง 570,000 ตาราง768 ฟุต บริเวณฐานปิรามิด 4 ด้านนั้น มีความกว้างยาวเท่ากัน คือ 755 ฟุต หรือ 230.12 เมตร จะแตกต่างกันมากน้อยแค่ 8 นิ้ว

- ตัวมหาปิรามิดนี้สูงประมาณ 432 ฟุตประมาณได้ว่ามีหินก้อนมหึมาถึง 2,300,000 ก้อน หนักกว่า 6,000,000 ตัน แต่ละก้อนหนักถึง 2.5 ตัน บางก้อนหนักถึง 16 ตัน กว้างยาวประมาณ 3 ฟุต หรือ 1 เมตร

สันนิษฐานว่าผู้สร้างปิรามิดนี้อาศัยดวงดาวเป็นหลัก นอกจากความใหญ่โตอันน่ามหัศจรรย์ของปิรามิดแล้ว การก่อสร้างให้สำเร็จยัง น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าหลายเท่าถ้าทราบว่าหินเหล่านี้ต้องสกัดมาจากภูเขาที่อยูไกล แล้วลากมาสู่ฝั่งแม่น้ำไนล์ ล่องลงมาเป็นระยะทางนับร้อยไมล์ จึงมาถึงจุดใกล้ที่ก่อสร้าง แล้วชักลากผ่านทะเลทรายไปถึงที่ก่อส้างต้องแต่งสลักเป็นแท่งสี่เหลี่ยม แล้วยก วางซ้อนขึ้นไปจนถึง 432 ฟุต

ใจกลางปิรามิดมีห้องเก็บพระศพของพระเจ้าคีออพส์ข้างในทำจากหินแกรนิต กว้าง 34 ฟุต ยาว 17 ฟุต และสูง 19 ฟุต หีบพระศพของพระเจ้าคีออพส์ทำด้วยหินแกรนิตตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของห้องปิรามิดของพระเจ้าคีออพส์ ล้อมรอบด้วยหลุมศพ และปิรามิดเล็ก ๆ อีก 3 แห่ง ซึ่งเป็นของสมาชิกในราชวงศ์และในราชสำนักชั้นสูง

ปิรามิดแห่งที่สองของกีซ่าเป็นปิรามิดคีเฟรน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิด เล็กกว่ามหาปิรามิดเล็กน้อย คือสูง 460 ฟุต ช่วงบนของปิรามิดนี้มีลักษณะเด่นเพราะเป็นหินปูนขาว

ปิรามิดไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งสามแห่ง สูงแค่ 230 ฟุต นอกเหนือจากปิรามิดทั้งสามแล้วยังมี ตัวสฟิงซ์ซึ่งมีชื่อเสียงมากเช่นกัน โดยแกะสลักหินก้อนใหญ่เป็นรูปสิงโตหมอบอยู่แต่หน้าเป็นมนุษย์ใบหน้านี้เป็นใบหน้าของพระเจ้าคีเฟรน ซึ่งมีคนนับถือเป็นพระเจ้าแห่งพระอาทิตย์ รูปสฟิงซ์นี้สูงถึง 66 ฟุต ยาว 240 ฟุต หมอบเฝ้าปากทางที่พามุ่งตรงไปยังปิรามิดแห่งคีเฟรน

Wednesday, May 03, 2006

"....this all began with a mouse..."




++++
MICKEY MOUSE, Walt Disney's most famous character, made his screen debut on November 18, 1928, as star of the first sound cartoon, Steamboat Willie. Since his debut, Mickey Mouse has become an international personality whose success laid the financial foundation upon which Walt Disney built his creative organization. Besides being the personification of everything Disney, Mickey Mouse has become one of the most universal symbols of the Twentieth Century.
++++
Mickey Mouse was born in Walt Disney's imagination early in 1928 on a train ride from New York to Los Angeles. Walt was returning with his wife from a business meeting at which his cartoon creation, Oswald the Rabbit, had been wrestled from him by his financial backers. Only 26 at the time and with an active cartoon studio in Hollywood, Walt had gone east to arrange for a new contract and more money to improve the quality of his Oswald pictures. The moneymen declined, and since the character was copyrighted under their name, they took control of it. " . . . So I was all alone and had nothing," Walt recalled later. "Mrs. Disney and I were coming back from New York on the train and I had to have something I could tell them. I've lost Oswald so, I had this mouse in the back of my head because a mouse is sort of a sympathetic character in spite of the fact that everybody's frightened of a mouse including myself" Walt spent the return train ride conjuring up a little mouse in red velvet pants and named him "Mortimer," but by the time the train screeched into the terminal station in Los Angeles, the new dream mouse had been rechristened. Walt's wife, Lillian, thought the name "Mortimer" was too pompous and suggested "Mickey." A star was born!
++++
Upon returning to his studio, Walt and his head animator, Ub Iwerks, immediately began work on the first Mickey Mouse cartoon, Plane Crazy. The enthusiasm with which his small staff completed the project faded when no distributor wanted to buy the film. Refusing to give in, Walt forged into production on another silent Mickey Mouse cartoon, Gallopin'Gaucho. However, late in 1927, Warner Brothers ushered in the talkies with The Jazz Singer, staffing Al Jolson. This soon signaled the end of silent films so, in 1928, Walt dropped everything to begin a third Mickey Mouse cartoon, this one in sound: Steamboat Willie.
++++
To record the sound track, Walt had to take his film to New York, since no one on the West Coast was equipped to do it. Walt sank everything he had into the film. When finally completed, Walt screened it for the New York exhibitors. The manager at the Colony Theatre liked the eager young producer and decided to take a chance on his film. Steamboat Willie scored an overwhelming success, and Walt soon became the talk of the nation. Buoyed by the artistic and popular success of Steamboat Willie,Disney added sound to the first two cartoons and was able to offer exhibitors a package of three shorts. As with all of Mickey Mouse's pictures through World War II, Walt himself supplied the voice. Then in 1946, when Walt became too busy to continue, Jim Macdonald, veteran Disney sound and vocal effects man, tookover. ( Jim Macdonald continued to provide the voice of Mickey Mouse for nearly thirty years, until he retired in 1974. Following his retirement, Wayne Allwine was selected to perform the voice of Mickey Mouse. Wayne has provided Mickey Mouse's vocal characterizations in his most recent screen appearances ).
++++
Mickey Mouse's skyrocket to fame didn't take long. His cartoons became so popular that people would first ask ticket takers if they were "running a Mickey" before they would purchase admission. Soon, theaters were displaying posters that read "Mickey Mouse playing today!" It was not uncommon for patrons to sit through a feature twice to see him again. The thirties was Mickey Mouse's golden age; 87 cartoon shorts starring the multi-talented mouse were produced by Walt Disney during that decade. He played everything from fireman to giant killer, cowboy to inventor, detective to plumber. Technically and artistically Mickey Mouse cartoons were far superior to other contemporary cartoons and gave life to an entire family of animated characters: Minnie Mouse, Clarabelle Cow, Horace Horsecollar, Goofy, Pluto, Donald Duck, Peg-Leg Pete, and many others.
++++
The artistic success of the animators was honored in 1932 when an Oscar was presented to Walt Disney for the creation of Mickey Mouse. Mickey Mouse's popularity spawned a Mickey Mouse Club in 1929 which met every Saturday for an afternoon of cartoons and games in local theaters. The several million Mouse Clubbers had a secret handshake, special member greeting, code of behavior, and even a special club song, "Minnie's Yoo Hoo". The peak of Mickey Mouse's golden decade was his starring role as the Sorcerer's Apprentice in the feature Fantasia (1940), a major artistic innovation. It interpreted music in colors, shapes, movement, and story. The animation techniques were years ahead of their time and have never been matched. Fantasia also introduced stereophonic sound to theaters, an element not employed by other studios until more than a decade later.
++++
With the advent of World War II, the Disney Studio suspended nearly all commercial activity and concentrated on aiding the war effort with training films, goodwill tours, and designing of posters and armed forces insignia. Mickey Mouse played his part by appearing on insignia and posters urging national security and the purchase of war bonds. And, incredibly, the password of the Allied forces on D-Day, June 6,1944, was "Mickey Mouse." Following the war, Mickey Mouse returned to making cartoons and appeared in his second feature, Fun and Fancv Free (1947), in which he co-starred with Goofy and Donald Duck in a new version of "Jack and the Beanstalk," titled appropriately "Mickey and the Beanstalk."
++++
Through the forties and early fifties, Mickey Mouse made fewer cartoons, giving ground to Donald Duck, Goofy, and Pluto, who were more flexible as characters. Mickey Mouse's evolution into a Disney symbol made it increasingly more difficult to create story situations for him. If he lost his temper or did anything sneaky, fans would write in insisting that Mickey Mouse just wouldn't do that. After the success of the Disneyland television show in 1954, Disney agreed the next year to create an afternoon program for ABC. He gave them The Mickey Mouse Club, which became the most successful children's show ever. In 1977, The New Mickey Mouse Club, featuring 12 new Mouseketeers, debuted on television, and a third generation of Mouseketeers hit the airwaves in 1989 when The Mickey Mouse Club debuted as a series on The Disney Channel with shows airing on weekday afternoons.
++++
Mickey Mouse moved to Disneyland in 1955 to become chief host of the theme park, welcoming millions of visitors annually, shaking hands, posing for pictures, and leading the big parades on national holidays. In 1971, he helped open the Walt Disney World Resort; in 1983 he donned a kimono for the dedication of Tokyo Disneyland; and in 1992, he sported a beret for the opening of what is now called Disneyland Paris. His other activities include public appearance tours around the world for The Walt Disney Company.
++++
Mickey Mouse has been saluted at three of the Disney theme parks by having "lands" created in his honor. Mickey's Birthdayland (now Mickey's Starland) opened on November 18, 1988, in the Magic Kingdom in Walt Disney World to honor Mickey Mouse on his 60th birthday. Mickey's Toontown opened in 1993 in Disneyland, then in 1996 at Tokyo Disneyland and now serves as home to Mickey Mouse and all of his cartoon friends.
++++
After all these years, the cultists are beginning to understand why the Mickey Mouse of the thirties was so popular. He was a little guy born out of the depression who satirized people's foibles and taught them to laugh. Most importantly, he was a character who dreamed big, and his dreams were universal.
++++
One of the finest tributes to Mickey Mouse was given by Walt Disney himself when, on his first television show as he surveyed Disneyland, Walt said, "I hope we never lose sight of one fact... that this was all started by a Mouse."

Tuesday, May 02, 2006

เวลา@นาฬิกา สองสิ่งบนความต่าง


แปลกมั๊ย..ใคร ๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อย
เวลา... เดินไปข้างหน้า นาฬิกา.. เดินอยู่ที่เก่า
เวลา.. เราไม่อาจย้อนกลับ นาฬิกา.. เราหมุนย้อนมันได้
เวลา.. เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืน นาฬิกา.. เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ไปเลย
เวลา.. ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกะอะไร นาฬิกา.. ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้น แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน แต่ถามหน่อย..
ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว?